สถานการณ์การระบาดของโรคหัดในนครโฮจิมินห์ ศูนย์กลางทางตอนใต้ของเวียดนาม กำลังทวีความรุนแรงขึ้นอย่างน่าเป็นห่วง ล่าสุดมีรายงานผู้เสียชีวิตแล้ว 3 ราย ส่งผลให้ทางการต้องประกาศภาวะการระบาดของโรคนี้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของเมือง
รายงานจากสื่อท้องถิ่นระบุว่า จำนวนผู้ติดเชื้อโรคหัดในนครโฮจิมินห์เพิ่มสูงขึ้นอย่างน่าตกใจ นับตั้งแต่ต้นปีจนถึงวันที่ 22 สิงหาคมที่ผ่านมา มีผู้ป่วยโรคหัดแล้วถึง 353 ราย ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงมากเมื่อเทียบกับช่วงปี 2021-2023 ที่มีผู้ป่วยเพียง 1 รายเท่านั้น นอกจากนี้ ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ยังมีรายงานผู้ป่วยมีไข้และผื่นขึ้น 85 ราย ซึ่ง 20 รายได้รับการยืนยันว่าเป็นโรคหัด
เพื่อรับมือกับสถานการณ์ที่เลวร้ายลง ทางการนครโฮจิมินห์ได้ประกาศมาตรการเร่งด่วนหลายประการ เริ่มจากการเปิดโครงการฉีดวัคซีนป้องกันโรคหัดเพิ่มเติมให้กับเด็กทุกคนในท้องถิ่นที่มีอายุระหว่าง 1-5 ปี โดยไม่คำนึงถึงประวัติการฉีดวัคซีนก่อนหน้า นอกจากนี้ ยังมีความเป็นไปได้ที่จะขยายกลุ่มอายุที่ได้รับวัคซีนให้กว้างขึ้น หากสถานการณ์การระบาดยังคงรุนแรง
ในส่วนของการตรวจคัดกรองและรักษา ทางการได้สั่งการให้สถานพยาบาลต่างๆ จัดพื้นที่ตรวจเฉพาะสำหรับการตรวจคัดกรองโรคหัด และกำหนดให้ผู้ป่วยทุกรายที่มีอาการไข้ผื่นขึ้น ซึ่งต้องสงสัยว่าเป็นโรคหัด ต้องได้รับการทดสอบภายใน 24 ชั่วโมง เพื่อให้สามารถวินิจฉัยและรักษาได้อย่างทันท่วงที
การระบาดของโรคหัดในนครโฮจิมินห์ครั้งนี้ ถือเป็นสัญญาณเตือนถึงความสำคัญของการสร้างภูมิคุ้มกันโรค โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กเล็ก แม้ว่าโรคหัดจะสามารถป้องกันได้ด้วยวัคซีน แต่การละเลยหรือไม่ให้ความสำคัญกับการฉีดวัคซีน อาจนำไปสู่การระบาดใหญ่และส่งผลกระทบร้ายแรงต่อสุขภาพของประชาชนได้
ทางการเวียดนามกำลังเร่งดำเนินมาตรการต่างๆ เพื่อควบคุมการระบาดของโรคหัดในนครโฮจิมินห์ให้ได้โดยเร็วที่สุด และคาดหวังว่าสถานการณ์จะคลี่คลายลงในเร็ววัน อย่างไรก็ตาม ประชาชนทุกคนยังคงต้องตระหนักถึงความสำคัญของการดูแลสุขอนามัยส่วนบุคคล และปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคนี้ต่อไป