เวียงจันทน์ – รัฐบาลลาวและออสเตรเลียเดินหน้าเสริมสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจ โดยย้ำความมุ่งมั่นร่วมกันในการส่งเสริมการค้า การลงทุน และการพัฒนาอย่างยั่งยืน หลังภาคธุรกิจออสเตรเลียหลายแห่งเริ่มมีบทบาทที่ชัดเจนในลาว
เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม รองนายกรัฐมนตรีและประธานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนแห่งชาติ นายซาลึมไซ คมมะสิด ได้พบกับนางเมแกน โจนส์ เอกอัครราชทูตออสเตรเลียประจำ สปป.ลาว เพื่อหารือเกี่ยวกับการขยายความร่วมมือทางการค้าและการลงทุนระหว่างสองประเทศ โดยสถานเอกอัครราชทูตออสเตรเลียระบุว่า ขณะนี้ธุรกิจออสเตรเลียหลายแห่งเริ่มมีการลงทุนและดำเนินโครงการอย่างเป็นรูปธรรมในลาวแล้ว
หนึ่งในนั้นคือบริษัทคอสตา กรุ๊ป (Costa Group) ซึ่งเป็นบริษัทด้านเกษตรกรรมรายใหญ่ที่สุดของออสเตรเลีย ได้เริ่มพัฒนาแปลงปลูกบลูเบอร์รีในแขวงจำปาสักเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา คาดว่าจะสร้างงานได้มากกว่า 2,000 ตำแหน่ง
นอกจากนี้ บริษัทยูเนียน นิวฟอเรสต์ (New Forests) จากซิดนีย์ยังได้เข้าซื้อหุ้นใหญ่ของบริษัทบูระพา อะโกรฟอเรสตรี โดยมีเป้าหมายในการส่งเสริมการปลูกป่าใหม่และพัฒนาความสามารถในการสร้างคาร์บอนเครดิต ซึ่งเป็นส่วนสำคัญทั้งต่อสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาท้องถิ่น
ในภาคโลจิสติกส์ บริษัทลินฟอกซ์ (Linfox) ได้ลงนามสัญญากับบริษัทเบียร์ลาว/คาร์ลสเบิร์กในปี 2024 เพื่อดำเนินการขนส่งสินค้าในแขวงหัวพัน พงสาลี และเวียงจันทน์ ต่อเนื่องจากข้อตกลงก่อนหน้านี้ที่มีการจัดส่งรถยกสินค้า (forklifts) ให้กับคลังสินค้าของบริษัท
ออสเตรเลียยังมีบทบาทในอุตสาหกรรมเหมืองแร่ในลาวมาอย่างยาวนาน โดยบริษัท Australian Laboratory Services ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการทดสอบทางธรณีเคมี กำลังฉลองครบรอบ 30 ปีของการดำเนินงานในลาวในปีนี้
ภาคเกษตรกรรมยังคงเป็นเสาหลักของความร่วมมือ โดยศูนย์วิจัยเกษตรระหว่างประเทศของออสเตรเลีย (ACIAR) ได้สนับสนุนงานวิจัยและการพัฒนาศักยภาพให้กับลาวต่อเนื่องมากว่า 35 ปี
ขณะเดียวกัน โครงการความร่วมมือด้านพลังงานสะอาดลาว–ออสเตรเลีย (Laos-Australia Sustainable Energy Partnership) ก็กำลังเข้าสู่ระยะที่สอง โดยมีกำหนดเริ่มดำเนินการในปี 2026
ความร่วมมือเหล่านี้เป็นผลสืบเนื่องจากข้อตกลงยกระดับความสัมพันธ์ทวิภาคีสู่ “หุ้นส่วนรอบด้าน” (Comprehensive Partnership) ที่นายกรัฐมนตรีดร.โซเน็กไซ สีพันดอน และนายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย แอนโทนี อัลบาเนซี ลงนามร่วมกันเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งครอบคลุมหลากหลายด้าน ทั้งการต่างประเทศ การศึกษา สาธารณสุข ความมั่นคง โครงสร้างพื้นฐาน และเศรษฐกิจ
ออสเตรเลียและลาวมีความสัมพันธ์ทางการทูตยาวนานตั้งแต่ช่วงทศวรรษ 1950 โดยทั้งสองประเทศต่างให้ความสำคัญและต้องการสานต่อความสัมพันธ์อย่างแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
ในการพบหารือครั้งนี้ เอกอัครราชทูตโจนส์ได้แสดงความยินดีกับนายซาลึมไซในบทบาทใหม่ พร้อมกล่าวว่า ผู้นำคนใหม่ของคณะกรรมการลงทุนจะมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนความร่วมมือทางเศรษฐกิจ
ภาคธุรกิจของออสเตรเลียยังได้จัดตั้งหอการค้าออสเตรเลีย–ลาว (AustCham Lao) ซึ่งจะฉลองครบรอบ 20 ปีในปี 2025 โดยถือเป็นหอการค้าต่างประเทศที่เก่าแก่ที่สุดในลาว และเป็นเครือข่ายสำคัญของธุรกิจที่ลงทุนหรือทำการค้าในลาวและออสเตรเลีย
การประชุมยังได้หารือถึงแนวทาง “Invested: ยุทธศาสตร์เศรษฐกิจเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของออสเตรเลียถึงปี 2040” โดยเอกอัครราชทูตโจนส์ระบุว่า ยุทธศาสตร์ฉบับนี้ได้ระบุ 3 ภาคส่วนหลักที่มีศักยภาพสูงสุดในการลงทุนในลาว ได้แก่ การเกษตร พลังงานสะอาด และทรัพยากร
ความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุนระหว่างสองประเทศมีพัฒนาการต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทั้งจากการทำงานร่วมกันระยะยาวและโครงการใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้น
เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา สองรัฐบาลได้ร่วมเปิดตัวโครงการ “LIFT 4 Laos” หรือ “การส่งเสริมการลงทุนลาว–ออสเตรเลียเพื่อการฟื้นตัวและยืดหยุ่นทางเศรษฐกิจ” ซึ่งมุ่งเน้นการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศที่มีคุณภาพ ส่งเสริมการเติบโตอย่างยั่งยืน และเพิ่มความสามารถในการรับมือกับวิกฤตเศรษฐกิจในอนาคต